วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

MP-44 อาวุธสมัยสงครามโลกครั้งที่2






ปืน MP44 ย่อมาจากคำเต็มในภาษาเยอรมันคือ Maschinenpistole 44 ผลิตโดยบริษัท Walther มีทั้งหมด 3 รุ่นคือ MP43 MP44 และ MP45 แต่รุ่นที่มีการผลิตออกมามากที่สุดก็คือรุ่น MP44 เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีการนำปืน MP43 มาแก้ไขระบบกลไกให้ดีขึ้นและทำการชุบแข็งโลหะบางส่วนทำให้ปืนรุ่นนี้เป็นที่ไว้วางใจอย่างสูงของหน่วยทหารราบรวมไปถึงหน่วยรบพิเศษ Stormtrooper ของกองทัพนาซี ซึ่งปืนรุ่นนี้ได้สร้างชื่ออย่างมากในช่วงการทำสงครามที่เมืองสตาลินกราด ประเทศสหภาพโซเวียต

แม้ในภายหลังจะมีการนำปืน MP44 มาทำการปรับปรุงอีกครั้งจนเป็นปืน MP45 ออกมา แต่ก็มิได้มีการผลิตปืนรุ่นนี้ออกมามากนักในช่วงหลัง เนื่องจากโรงงานผลิตอาวุธของบริษัท Walther เองก็ถูกกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก อีกทั้งยังขาดวัสดุในการผลิตคือเหล็กและดินขับ ทำให้มีการผลิตปืนรุ่นนี้ออกมาน้อยมากในช่วงหลัง

ข้อมูลจำเพาะของปืน MP44 หรือ STG44
น้ำหนักปืน 5.22 kg.
ความยาวปืนทั้งกระบอก 940 mm.
ความยาวลำกล้อง 419 มม.
ระยะหวังผล 300 m.
ระบบปฏิบัตการปืน Gas-operated, tilting bolt
ขนาดลำกล้อง 8 mm. (0.31 in)
ขนาดกระสุน 7.92x33 mm. Kurz
อัตราการยิง 500/600 นัด/นาที
ความจุ 30/แมกกาซีน




Stg44 (Sturmgewehr 44)หรือในภาษาอังกิตก็ Assault Rifle 1944
ถูกพัฒนามาจากMP43(Machine Pistol 43) พัฒนาในปี1943(ตามเลขลงท้าย)


ประวัติความเป็นมา

ในช่วงแรก ฮิตเลอร์ต้องการอาวุธประจำกายทหารราบที่มีระยะยิงไกลกว่า 2,000 หลา(เหตุผลที่นิยมKar98) จึงไม่สนใจที่จะให้ผลิตปืนเอ็ม พี 43 ขึ้น แต่อัลเบิร์ต สเปียร์ รัฐมนตรีกระทรวงอาวุธของนาซีเยอรมันในขณะนั้น เห็นว่าเยอรมันมีความต้องการปืนรุ่นนี้เป็นอย่างมาก จึงทำการผลิตปืนรุ่นนี้ขึ้น โดยที่ฮิตเลอร์ไม่รู้ และส่งออกไปให้ทหารเยอรมันในแนวรบด้านรัสเซียได้ทดลองใช้ ปรากฏว่า ทหารราบเยอรมันต่างพอใจในสมรรถนะของปืนรุ่นนี้ ถึงขนาดที่ผู้บัณชาการกองพลของเยอรมันบางกองพล ได้พูดกับฮิตเลอร์ถึงประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของปืนกลมือ MP43 ความจริงเลยปรากฏต่อฮิตเลอร์ว่า ปืนรุ่นนี้ได้ถูกผลิตออกมาแล้ว(อะไรของเฮียแก อะไรไม่ถูกใจถึงดีไงก็ไม่เอาเลยหรอเนี่ยท่านผู้นำ - -)
อย่างไรก็ตาม ฮิตเลอร์ก็ได้รับการโน้มน้าวจากฝ่ายเสนาธิการของเขาว่า ปืนกล MP43 มีประสิทธิภาพมาก และเป็นที่ต้องการของทหารในแนวหน้า ทำให้ฮิตเลอร์ เปลี่ยนใจ และสั่งให้ผลิตปืนMP43 ออกมาใช้อย่างเต็มที่ โดยมอบหมายให้โรงงาน 3 โรงงานรับผิดชอบในการผลิต ตลอดจนมีการปรับเปลี่ยนภายในเล็กน้อย และเปลี่ยนชื่อเป็นปืน Stg44 (Sturmgewehr 44) สายการผลิตของปืนรุ่นนี้มีอยู่จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1945 ถือว่าอยุ่ได้ไม่นานถ้าเทียบกับMP40
แต่อย่างน้อย เมื่อจบสงคราม รัซเซียได้แบบของStg44ไป และนำไปพัฒนาไปเป็นของตัวเองแล้วใช้ชื่อAK47(ที่โด่งดังนั่นหละ) อย่างน้อยถึงจะใช้เป็นเวลาแค่ไม่นาน แต่Stg44ก็ยังมีลูกหลานให้เราเห็นกันอยู่อะนะ ^^
ซึ่งก่อนจะใช้ชื่อเป็นStg44 ก็ใช้ชื่อเป็นMP44มาก่อน
สังเกตจากการออกแบบที่อิงระบบปืนกลมือนั่นคือตัวเลือกระบบ แทนที่จะเป็น safe-semi-auto แบบปืนที่เราคุ้นๆกัน
แต่Stg44 จะเป็น safe-auto-semi ซึ้งการเลือกระบบแบบนี้ยังตกมาถึงลูกหลานอย่างAK47อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Machine Gun and other [ปืนกล กับ m79ก็มีนะ]

Machine Gun : ปืนกล
ประสงค์หลักของปืนกล คือทำออกมาเพื่อเป็นปืนยิงสนับสุนทหารราบโดยการตั้งยิงอยู่กับที่โดยโดยส่วน มากปืนกลจะมีขาทราบติดวาให้จากโรงงานอยู่แล้ว หรือจะใช้ขาหยัง3ขา หรือติดตั้งบนหลังคารถไม่ก็บนกำแพงเป็นปืนประจำฐาน กระสุนที่ใช้จะเป็นกระสุนไรเฟิล พิศัยการยิงอาจไกลได้ถึง1000เมตรแล้วขึ้นอยู่กับแรงลมและขนาดหัวกระสุนด้วย ครับ แต่ก็ไม่แม่นยำขนาดสไนเปอนะครับ แต่จะกระจายเป็นกลุ่มเพื่อหยุดยั้งเป้าหมายเป็นกลุ่มๆอย่างเช่นกองทหาร หรือเป้าหมายๆใหญ่ๆอย่างยานภาหนะ หรือแม้กระทั้ง ฮ.

ส่วนมากปืนกลจะ ใช้ระบบOpen Bolt หรือลูกเลื่อนเปิด การทำงานของระบบนี้จะอาศัยการกระแทกของลูกเลื่อนเพิ่อตีชนวน โดยในจังหวะมที่ยังไม่ยิงนั้น ลูกเลื่อนจะอยู่ในจังหวะถอยสุดและเมื่อเหนี่ยวไก ลูกเลื่อนจะวิ่งเข้าเพิ่อป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงและที่ท้ายลูกเลื่อนจะมีตู้ สำหรับใช้แทงชนวนในจังหวะที่ลูกเลื่อนกระแทกกับรังเพลิง เหตุที่มีระบบนี้เพราะว่า ปืนกลนั้นต้องยิงต่อเนื่องหลาย100หบาย1000นัด บางครั้งยิงจนลำกล้องร้อนแดง ทำให้รังเพลิงร้อนมาก อาจจะทำให้ปืนลั่นเองกก็เป้นได้ แต่ระบบOpenBolt นี้ทายห่วงเรื่องนั้นแต่ข้อเสียของมันก็คือ ในการเหนี่ยวไกจะต้องรอให้ลูกเลื่อนดีดกลับและเข้ากระแทกรังเพลิงทำให้ความ แม่นยำในนัดแรกหายไป แต่จะไปสนใจทำไมปืนกลไม่ใช่ปืนยิงเอาแม่นอยู่แล้ว และส่วนมากปืนกลจะใช้กระสุนส่องวิถีเพื่อความง่ายต่อการยิงกราด เหมือนกับที่เคยเห็นกันในหนัง ที่เห็นเป้นสีแดงๆวิ้งนั้นหละครับ เค้าเรียกกระสุนส่องวิถี อณุภาพอาจจะไม่รุนแรงเท่ากระสุนปกติ แต่ว่าช่วยให้พลปืนกลยิงได้ง่ายขึ้น โดยส่วนมากจะใส่ไว้ 1นัด กระสุนธรรมดา 5นัด สลับไปแบบนี้เรื่อยๆครับ
แบ่งเป็นหลักๆได้3ประเภท
1.ปืนกล ขนาดเบา ปืนกลประเภทนี้มักจะใช้ระบบเดียวกับปืนไรเฟิลจู่โจมหรือดัดแปลงจากไรเฟิลจู่ โจมมาเลยโดยใช้แม็กกาซีนบรรจุกระสุน จึงทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนที่และประทับยิง แต่ข้อจำกัดคือยิงกระสุนได้ไม่มากก็จะเกิดความร้อนทีสูงในรังเพลิงอาจจะทำ ให้ปืนลั่นเองก็เป้นได้
2.ปืนกลขนาดกลาง ปืนกลประเภทนี้จะใช้ระบบOpenBolt บรรจุกระสุนผ่านทางสายกระสุนหรืออาจจะมีบางรุ่นที่ใช้แม็กกาซีนได้ด้วย ปืนกลขนาดนี้พลยิงสามารถพาเคลื่อนย้านตำแหน่งได้โดยตัวคนเดียวโดยสามารถยิง ประทับบ่าได้ สามารถติดตั้งกับที่เป็นปืนกลประจำฐานด้วยขาหยั่ง3ขา หรือบนยานพาหนะ หรืออาคารได้จึงทำให้ปืนกลขนาดนี้เป้นที่นิยมกันมากกว่าปืนกลขนาดเบา
ด้วยศักยภาพที่สูงกว่าแค่น้ำหนักมากกว่าเท่านั้นเอง
3. ปืนกลหนัก ปืนกลประเภทนี้ไม่สามารถประทับบ่ายิงได้ ไม่ใชเพราะว่าหนัดหรอกนะครับแต่ปืนกลประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ประจำอยู่กับ ที่ ดดยอาจจะตั้งบนขาหลัง3ขาหรือ บนยานพาหนะเท่านั้น


M60

http://upic.me/i/2n/m60_01.jpg

http://upic.me/i/3b/m60_02.jpg

http://upic.me/i/is/m60e3.jpghttp://upic.me/i/o4/m60e4.jpghttp://upic.me/i/oi/m60e3_seal.jpg

http://www.imfdb.org/images/7/76/M60d.jpg

ปืนกลขนาดกลางจากอเมริกาที่ทางกองทัพไว้วางใจมากว่า50ปีแล้วและยังประจำการ อยู่ในกองทัพของหลายประเทศทั่วโลก ด้วยความที่มันเป็นปืนกลที่ทนทาน ความแม่นยำน่าไว้วางใจ การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก อณุภาพการทำลายสูงเนื่องจากกระสุนขนาด7.62 ของมัน M60สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ในสงครามเวียดนาม เพียง1-2นัดเท่านั้นพวกเวียดกงก็ถึงแก่ความตายได้โดยง่าย
แต่ด้วยน้ำหนักกว่า10กิโลของมันทำให้ลำบากในการพาเข้าป่าอย่างในสมรภูมิที่เวียดนาม
ต่อ มาM60ได้พัฒนาต่อเรื่อยมา แก้ไขข้อด้อยหลายๆของของM60E1 ที่ผ่านสงคราวเวียดนามมา ให้มีน้ำหนักน้อยลงเปลี่ยนรูปลัก มีหลากหลายชื่อมาก ทั้ง M60E1 E2 E3 E4 M60C M60D หรือ Mk43 Mod.0 หรือMod.1 ซึ่งแต่กต่างกันออกแบ แต่แค่ไหนอย่างไรผมก็ไม่รู้ทั้งหมดหรอกครับ และได้มีการลดความยาวของลำกล้องลงเพื่อความยืดหยุ่นในการปัฏิบัติภาระกิจอีก ด้วย จนกลายเป็นAssult Machinggun ปืนกลสำหรับเข้าจู่โจมที่คล่องตัวขึ้น เหมาะกับการปัฏิบัติภาระกิจในเมือง อย่างM60E4 หรือ Mk.43Mod.0
M60เป็น ปืนกลระบบOpenBolt บรรจุกระสุนขนาด7.62ผ่านทางสายกระสุน ที่อาจจะใส่ใว้ในกล่องกระสุนที่แขวนไว้ข้างปืนหรือ ปล่อยสายไปเลยแบบแรมโบ้พอข้าศึกเข้ามาไกล้ก็เอาสายกระสุนฟาด lol
การ บรรจุกระสุนของM60ต้องเปิดฝาขึ้นมาแล้วเอาสายกระสุนวางเอาไว้แล้วปิดดันคัย รั้งถอยหลังทีนึงให้โบลท์ค้าง จากนั้นก็เหนี่ยวไกกราดกระสุนไปเลย อ้อM60ยิงเซมิไม่ได้นะครับมีแค่เซฟและฟูลออโต้ และเมื่อจบการยิงก็เหนี่ยวไก1ครั้งเพื่อปลดลูกเลื่อนใช้เข้าชิดรังเพลิงลด การล้าของสปริงrecoil(สปริงที่พาลูกเลื่อนดีดกลับนั้นหละ)

FN Minimi / M249

http://upic.me/i/vy/m249saw.jpg

http://upic.me/i/l6/fn_minimi_m249.jpg

http://upic.me/i/5p/fn_minimi_para.jpg

http://upic.me/i/d6/fn_minimi_spw.jpg

http://upic.me/i/dz/fn_minimi_mk46.jpg


http://upic.me/i/kp/m249saw.jpg

FN Minimi จากเบลเยี่ยม เป็นปืนกลขนาดกลางรุ่นเล็กซึ่งมีความคล่องตัวสูงมากเลยทีเดียว รายระเอียดจะว่ากันอีกที เริ่มต้นโครงการที่เบลเยี่ยมในราวๆต้นยุค70และออกมาเป็นรูปเป็นร่างหรือ ก็คือFN Minimi ในปี1982 และต่อมาได้เข้าประจำการในกองทับสหรัฐในชื่อ M249 SAW คำว่า SAW ย่อมาจาก Squad Automatic Weapon แปลไทยได้ว่า อาวุทอัตโนมัติประจำหมู่ (อย่างM60จะเป็นปืนกลประจำหมวด)

M249 ใช้ลูกกระสุนขนาด5.56x45Nato ป้อนกระสุนผ่านทางสายกระสุนหรือแม็กกาซีนแบบM16 ปืนทำงานในระบบOpen Bolt สามารถยิงได้แต่ออโต้เท่านั้น การบรรจุกระสุนผ่านทางสายกระสุนสปืนสามารถลั่นกระสุนได้750นัดต่อนาทีแต่หาก ใช้แม็กกาซีนm16จะสูงถึง1000นัดต่อนาทีเลยทีเดียวสามารถหวังผลได้ไกล400-600 เมตรแล้วแต่ความยาวลำกล้องและสภาพอากาศสามารถยิงต่อเนื่องได้หลาย1000นัด กว่าลำกล้องจะร้อนแดง และสามารถเปลี่ยนลำกล้องได้อย่างลวดเร็วอีกด้วยอย่างในภาพสุดท้ายจะมีการ เตรียมลำกล้องสำรองเอาไว้ด้วย

ภาพแรกM249รุ่นแรกอย่างที่บอกข้างต้น คือรุ่นMinimi ต่อมาเมื่ออเมริกาได้เข้าประจำการปืนกลรุ่นนี้ก็ได้มีการปรับปรุงรูปลักษณ์ ใหม่ในชื่อM249 SAW ภาพที่2(บางครั้งจะเรียกM249 Mk.II) มีการเปลี่ยนประกับห้า และระบบศูนย์เล็งใหม่พานท้ายใหม่ และอืนๆปลีกย่อยอีกนิดหน่อย และต่อมาได้มีการดัดแปลงให้สั้นกระทัดรัดขึ้นสำหรับเข้าประจำการในหน่อยทหาร พลร่ม ในรุ่นM249 para (ย่อมาจาก paratrooper นั้นเอง) ทำการตัดลำกล้องสั้นลง และเปลี่ยนพานท้ายใหม่ให้สามารถหดเข้าไปได้เพิ่มความสะดวกให้ทหารพลร่มนี่ เอง และต่อมา ได้ปรับปรุงใหม่อีกแล้วโดยต่อยอดจากรุ่นPara ตัดระบบการป้อนกระสุนทางแม็กกาซีนออก(ปกติกห็ไม่ค่อยจะใช้กันอยู่แล้ว) ให้ป้อนกระสุนผ่านทางสายกระสุนเท่านั้น และตัดขาทรายออก เพราะว่าจะไม่นอนยิงแล้วเน้นไปทางด้านจู่โจมเป็นหลักและเพิ่มรางติดตั้ง ศูนย์เล็กใว้บนฝาหลัง ใช้ชื่อว่าM249 SPW หรือSpecial Purpose Weapon หมายถึงอาวุทเพื่อจุดประสงค์พิเศษ(ไม่รู้แปลออกมาตรงๆ) SPWนี้ ค่อนข้างจะคล่องตัวและน้ำหนักเบากว่าเดิมราวๆ1.5กิโล คือจากเกือบๆ7กิโล มาเหลือแค่ 5.7กิโลเท่านั้นเอง ส่วนในรุ่น SAW หรือMinimi ราวๆ7กิโลกว่าๆครับ และรุ่นน้องสุดจากตระกูลM249คือรุ่น Mk 46 mod.0 โดยนำเอา SPW มาใส่พานท้ายแบบSAW และทำชุดหน้าใหม่ให้เป็นรางติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆได้และใส่ขาทราย เข้าไป เพื้อเข้าประจำการในหน่วย US SOCOM ซึ่งน้ำหนักก็ไม่ได้ต่างไปจากSPWมากนัก


Grenade Launcher : เครื่องยิงลูกระเบิด
ชื่อก็ บอกอยู่ครับว่าเครื่องยิงลูกระเบิดก็เอาไว้ยิงลูกระเบิดหนะสิ มันมีเอาไว้สำหรับทำลายเป้าหมายเป็นกลุ่ม ยานพาหนะ หรือฐานที่มั่นที่มีปืนไม่สามารถยิงทำลายได้ การแบ่งประเภทของลูกระบิดที่ว่านี่แบ่งได้หลากหลายประเภท แต่โดยรวมแล้วขอแบ่งตามนี้นะครับ
แบ่งตามความเร็วของลูก
1.ลูกกระสุน ความเร็วต่ำส่วนมากจะเป็นกระสุนวิถีโค้งใช้ดินขับใส่ในปลอกเหมือนกระสุนปืน ส่วนมากมีหน้าที่ทำลายเป้าหมายเป็นกลุ่มเป็นวงกว้าง หรือฐานที่มั่น
2. ลูกกระสุนความเร็วสูง มักจะเป็นจรวดยิงได้เป้นระนาบ ส่วนมากจะใช้ทำลายยานพาหนะ หรือฐานที่มั่น โดยส่วนมากจะเป็นการเจาะทำลายเกราะเป้องกันเพื้อเข้าไประเบิดภายใน แต่ก็มีแบบที่ใช้ดินขับเหมือนกระสุนปืนด้วยแต่จะลูกเล็กกว่ามีความเร็วที่ สูงกว่า และมีอำนาจเจาะเกราะ

ส่วนลูกระเบิดที่ว่านี่ก็มีด้วยกันมาก มายหลากหลายแบบครับ ไม่ใช่แค่หัวระเบิดอย่างเดียว ข้อมูลนี้ขอดึงมาจากเว็บบล็อคของท่านนึงนะครับเห็นว่าระเอียดดีผมเลยไม่ต้อง พิมพ์ tongue
GRENADE : เป็นกระสุนระเบิดธรรมดาซึ่งมีอานุภาพในการทำลายล้างสูงมาก มีรัศมีการทำลาย 5 เมตร
RIOT : เป็นกระสุนส่องเเสงบอกตำเเหน่งเป้าหมายเเละตัวของเรา เหมือนเป็นพลุส่งสัญญาณยังใงยังงั้น เเต่ถ้าเป้าหมายโดนกระสุนชนิดนี้ยิง จะเกิดอาการตาพล่าชั่วคราว คล้ายๆระบิดเเสงนี้เอง
NAPALM : อาวุธเคมีที่มีอำนาจทำลายรุนแรงที่สุด คือ ระเบิดนาปาล์ม เป็นระเบิดเพลิง มีรัศมีการเผาผลาญ 5 เมตร เป็นระเบิดความร้อน นำมาใช้รุนแรงในเวียตนาม เรียกว่าอยู่ในรูในเลี้ยวก็ไหม้หมด อุณหภูมิโดยรอบจะสูงมากถึง 1000 - 2000 องศาเซลเซียส ซึ่งมีอานุภาพในการเผาผลาญเเละลุกไหม้สูงมากๆ แผลไฟไหม้ที่ผิวหนังจะทำลายเนื้อเยื่อ จนถึงกระดูก จะแผ่ คาร์บอนมอน็อกไซด์ ออกไปโดยรอบ เป็นพิษไปถึงบรรยากาศชั้นบน ถ้าเทียบกับ ระเบิดอื่นที่มีผลทั้ง blast damage, fire damage, radiation damage และอื่น ๆ อย่างปรมาณู นาปาล์มจะมุ่งเรื่องไฟและความร้อน นาปาล์มเหมาะกับข้าศึกที่รวมอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ทั้งในที่โล่ง บังเกอร์ เปลวไฟที่เเตกกระจายออกไปมีสภาพเป็นวุ้นลูกไฟ มันจึงชอนไชเข้าไปได้ตามซอกหลืบต่างๆ ผลเสียหายที่ตามมา คือ เกิดการย่างสดต่อสิ่งมีชีวิตเเละรวมถึงอาวุธยุทธโธปกรณ์ทั้งหลาย นาปาล์มจึงเหมาะสำหรับหย่อนใส่ข้าศึกใน ซอกหลืบ บังเกอร์ บริเวณชง่อนเขา เป็นต้น
CHEMICAL : เป็นกระสุนเคมี พวกระเบิดเเก๊สหรือก๊าซ ระเบิดเชื้อโรค สารพิษ กัมมันตภาพรังสี เเต่กระสุนเคมีส่วนใหญ่จะนิยมใช้เป็นเเก๊สโดยส่วนใหญ่น่ะ กระสุนเเก๊สพิษมีหลายชนิด
BUCKSHOT : เป็นกระสุนลูกปรายเหมือนกระสุนลูกซอง BUCKSHOT เเต่ความเเตกต่างของมันคือ มันจะบรรจุลูกปรายเหล็กหรือลูกปรายตะกั่วมากขึ้น 2 เท่า เนื่องจากใช้กระสุนขนาด ใหญ่ จึงบรรจุลูกปรายได้มากกว่า 12 MMของลูกซองมาตรฐาน พลังทำลายจึงเลยสูงมากขึ้น กว่าลูกซองเป็นเท่าตัว แต่ระยะหวังผลก็ไม่ได้ไกลกว่ากันเท่าไหร่
SMOKE : เป็นกระสุนควันรัศมีประมาณ 5 เมตรได้ ซึ่งจะมี 3 สีให้ใช้ คือ สีเขียว เเดง เหลือง ใช้สำหรับอำพลางหนี ป้องกันตัวจากการถูกข้าศึกโจมตีเป็นกลุ่ม เเล้วยังใช้บอกตำเเหน่งที่อยู่ของตัวเราได้ด้วยน่ะ
CLUSTER : เป็นกระสุนระเบิดดาวกระจายหรือกระสุนระเบิดลูกปราย เมื่อยิงลูกกระสุนพุ่งออกมา ซึ่งถูกยิงให้ควงสว่านเหมือนกระสุนปืน เมื่อได้ระดับที่พอเหมาะ เปลือกของระเบิดจะเเยกตัวออกมาประมาณ 5 -6 ลูกได้ ลูกปรายจากลูกภายในจะถูกเหวี่ยงออกมาด้วยเเรงหนีศูนย์ สามารถทำลายเป้าหมายในวงกว้างได้
H.E : เป็นกระสุนระเบิดฮีเลี่ยม หรือระเบิดเเรงสูง HIGH EXPLOSIVE มีพลังทำลายล้างสูงมากถึง 6 เมตรได้ อำนาจในการทำลายล้างจะสูงกว่าระเบิด GRENADE อีกน่ะ

ข้อมูลจากบล็อคคุณ wetchaputi จากExteen ครับ


M79


http://upic.me/i/5c/4m791.jpg

http://upic.me/i/gs/vm793.jpg

http://upic.me/i/k9/default.jpeg

http://upic.me/i/mm/jgcawm79solg.jpg

M79 จาก Colt ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตออกมาเพื้อใช้ในสมรภูมิสงครามเวียดนามเพื้อใช้ยิงพวก

เวียดกงที่หลบ อยู่ในรู โดยมีการผลิตมากหลายแสนกระบอก(ถ้ารวมที่ผลิตในไทยเร็วๆด้วยไม่รู้อีกกี่ กระบอก tongue ) แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช้กันแล้วเพราะว่าพลยิงนั้นต้องถืออาวุธ2อย่างไม่ว่าจะ เป็นM79เองหรือปืนประจำกายแต่ในที่สุดได้มีการพัฒนาเครื่องยิงลูกระเบิด สำหรับติดกับปืนไรเฟิลจู่โจมได้แล้ว พลยิงM79จึงหายไป แต่ว่าM79ก็ยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
M79เป็นเครื่องยิงลูกระเบิด ความเร็วต่ำวิถีโค้งขนาด40mm ที่ใช้กระสุนได้หลากหลาย(ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นใช้ได้หมดขอให้ขนาด40mm) บรรจุกระสุนได้1นัด ใช้การหักลำกล้องลงเพื่อบรรจุกระสุน หลักการเหมือนปืนลูกวองนั้นแหละแต่ว่ามันใหญ่40มม.เท่านั้นเอง
การเล็งยิงนั้นไม่ยาก อาศัยการเล็งผ่านศูนย์หลังที่เรียกว่าศูนย์ใบพัดวิธีเล็งก็แบบนี้

http://upic.me/i/2p/m79_positions2.jpg


พิศัยการยิงของM79นั้นตั้งแต่ไม่กี่10เมตรจนถึง370เมตร ทั้งนี้อยู่ที่สภาพอากาศด้วยนะครับ
เนื่องจากเหตุผลเดียวกับปืนสไนเปอร์แบบBoltAction คือระบบมันเบสิกสุดๆ ไม่มีอะไรเลยเลยมีข้อมูลมาก tongue


Shotgun : ลูกซอง
ปืนสำหรับต่อสู้ระยะประชิดที่ถือ กำเนิดมาแล้วหลายร้อยปีในยุคคาวบอย โดยส่วนมากกระสุนจะเป็นม่านกระสุนกระจายเป็นกลุ่มที่เรียกว่าลูกปลายเพิ่อ ง่ายในการเข้าเป้า มีแรงปะทะที่สูงจึงทำให้ล้มได้เลยในนัดแรง หรือถ้าลูกกระสุนเกาะกลุ่มกันมากก็ทำให้เป็นรูใหญ่ได้เลย และไม่ได้มีแค่ลูกปลายเท่านั้นยังมีลูกโดด เป็นลูกใหญ่ลูกเดียว แต่การจะใช้ลูกโดดนี้น้องใช้กับปืนที่มีลำกล้องเกลียวด้วยถึงจะเกิดความแม่น ยำสูงสุด และยังเอาอะไรมาใส่ในปลอกได้อีกด้วยอย่างเช่นกระสุนยางนี่เอง โดยกระสุนของปืนลูกซองนี้จะบรรจุในปลิดที่เป็นพลาสติดหรือกระดาษที่ทนไฟฟได้ ดี
ลูกซองแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้4แบบคือ
1. ลูกซองหัก - เป็นปืนลูกซองเบสิกสุดที่ถือกำเนิดขึ้นมาก่อนเลยโดนบรรจุกระสุนได้1-2นัด โดยการหักลำกล้องหลังรังเพลิงเพิ่อบรรจุ
2. ลูกซองชัก - ฝรั่งจะเรียกลูกซองปั๊ม(pump)เป็นแบบที่เห็นกันมากสุดๆ มันก็คือลูกซองกำนันอะไรแบบนั้นหละครับ โดยการใส่กระสุนจะบรรจุเข้าทางใต้ปืนเข้าสูงหลอดกระสุนใต้ลำกล้องและการขึ้น ลำกระสุนก็ชัก1ครั่ง จะเป็นการคัดปลอกเก่าและปรรจุกระสุนใหม่ไปในตัว
3. ลูกซองSelf-Loading - ลูกซองประเภทนี้จะมีรูปลักษณ์เหมือนกับลูกซองชัก เพียงแต่ว่าไม่มีมือจับสำหรับชัก การบรรจุกระสุนเหมือนกับลูกซองชักคือบรรจุใต้ตัวปืนขึ้นลำโดยการดึงลูก เลื่อนถอยเหมือนปืนออโต้ทั่วๆไป การทำงานของปืนจะมี2โหมดคือ เซฟ และเซมิออโต้เท่านั้น เพราะส่วนมากเป็นปืนพลเรือนแต่หน่วยงานต่างๆก็นำมาใช้เหมือนกัน
4. ลูกซองFull-Autometic - รูปทรงของปืนแบบนี้จะต่างกับชาวบ้านโดยสิ้นเชิงคือ มันมีรูปทรงและระบบการทำงานเหมือนปืนไรเฟิลจู่โจม และยังบรรจุกระสุนในแม็กกาซีนอีกด้วย สามารถเลืกโหมดการยิงทั้งเซมิ และ ฟูลออโต้ได้ หนือจะเรียกลูกซองจู่โจมก็ได้นะ

Winchester M1887

http://upic.me/i/n3/iac87.jpg

http://upic.me/i/8x/m1887_lh.jpg

http://upic.me/i/tk/win87b.jpg

http://upic.me/i/f1/t2jdwin18877.jpg
รูปใกล้ๆชัดๆครับ

http://www.antiquearmsinc.com/1887-winc … hotgun.htm

ปืน ลูกซองเก่าแก่ที่ผลิตโดยบ.Winchester ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยุคคาวบอยสสงครามกลางเมืองนู้นในปี1887ตามชื่อ (ปืนWinchesterยุคเก่าใช้ชื่อตามปีที่ผลิต) โดยผู้ออกแบบคือนาย John Brownning จ้าวประจำซึ่งสำหรับผมแล้วเค้าเป็นบิดาแห่งอาวุธปืนออโต้อย่างแท้จริง และ1887นี้ยังมีชื่อเล่นๆว่าGuardGunอีกด้วย

1887เป็นลูกซองรุ่น เดียวในโลกเลยกว่าว่าได้ที่ใช้ระบบLeaver Action หรือคานเหวี่ยงตามแบบปืนของWinchesterในสมัยนั้น ข้อดีของปืนแบบคานเหวี่ยงคือสามารถถือมือเดียวยิงได้โดยไม่ต้องใช้อีกมือ ช่วยในการเปลี่ยนกระสุนเอาใจคาวบอยที่ขี่ม้ายิงปืนกัน จะยิงแบบไหนนั้นติดตามได้ในคลิ๊บนี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=1BxbTSaxduA


* คลิ๊บนี้เป็นปืนBBGun กระบอกนี้ผมก็มีนะครับ ไม่ค่อยกล้าทำแบบนี้เพราะว่ากลัวปืนหล่น แต่สำหรับ1887ด้ามยาวจะใช้การเหวี่ยงแบบที่1นะครับเพราะลำกล้องยาวจะฟาดหน้า เอาได้ถ้าควงแบบที่2-3 แต่ถ้าเรามือว่าง2มือ เหวี่ยงคานแบบปกติดีกว่าไม่อันตราย

ปืนบรรจุกระสุนได้5นัดใน หลอดกระสุนใต้ลำกล้อง และ1นัดในรังเพลิง โดยจะใช้ลูกกระสุนขนาด10-12เกจ แต่ว่าสมัยนั้นยังใช้กระสุนดินดำกันอยู่เลยครับ แรงระเบิดจึงไม่มาก ทำให้กระสุนกระจายเป็นวงกว้างมากเกินไป (ในเกมPBมันมั่วครับ)
บรรจุลูกผ่านทางช่องคัดปลอกลงไปสูงหลอดกระสุนด้านล่างครับ