Pistol : ปืนพก หรือจะเรียกว่า Hand Gun หรือ ปืนสั้นก็ได้คครับ อย่างที่รู้ๆกันอยู่ปืนสั้นเป็นปืนขนาดพอดีมือ สามารถยิงได้ด้วยมือเพียวข้างเดียวเท่านั้น ไม่มีด้ามจับหรือประกับให้เอาอีกมือมาจับ แต่ก็นิยมใช้มือรอง(ข้างที่ไม่ถนัด)มาประคองมือหลัก(ข้างที่ถนัดใช้เหนี่ยว ไก)อีกทีครับ ปืนพกเป็นปืนที่แพร่หลายมากที่สุดในโลกเพราะว่าพลเรือนสามารถซื้อไว้ป้องกัน ชีวิตและทรัพย์สินได้ครับ จึงมีการผลิตออกมาหลายรุ่น แต่จะแพร่หลายในวงการคนเล่นปืนเท่านั้น เพราะว่า มันไม่ค่อยได้ออกมาอวดโฉมให้คนภายนอกรับรู้ได้อย่างปืนไรเฟิลจู่โจมหทารหรือ SMGหน่วยจู่โจมใช้กันในหนัง
แบ่งเป็นประเภทหลักได้2ประเภทคือ
1.Autometic Self-loading หรือปืนที่โหลดกีสุนเข้ารังเพลิงได้เอง วงการปืนจะเรียกปืนระบบนี้ว่าปืนออโต้ฯ
2.Revolver หรือปืนลูกโม่นี่เอง
แต่ก็มีประเภทที่ต้องโหลดลูกเข้ารังเพลิงเองทีละ1นัดแต่ปืนระบบนี้จะเป็นปืนแข่งที่ไม่นำมาใช้ในการต่อสู้จริง
ปืนสั้นเองมีระบบการลั่นไกด้วยกันหลักๆ 3แบบคือ
Single Action/S.A. คือ ต้องง้างนก หรือดึงสไลด์ก่อนทำการยิงทุกครับ ทำให้ปืนระบบนี้มีชิ้นส่วนเล็กๆน้อยดูและรักษาง่าย แถมน้ำหนักไกก็น้อยและสเถียร การเซฟไกส่วนมากจะทำในจังหวะที่นกง้างสุดเพราะว่าปืนระบบนี้น้ำหนักในการลาก ไกค่อนข้างน้อยจึงจ้องมีการเซฟในจังหวะนี้
Double-Single Action/ D./S.A. ปืนระบบนี้ในจังหวะนกชิดโครงปืนเมื่อเหนี่ยวไกนกจะถอยหลังตามไกที่เหนี่ยวละ ลั่นไกได้และเมื่อลั้นไกแล้วครั้งนึง สไลด์จะดันนกมาค้างในตำแหน่งง้างสุดและจึงทำการยิงแบบS.A.ได้ เซฟไกส่วนมากจะทำแบบสามารถลดนกได้ไม่ว่าจะชิดโครงปืนหรือระยะง้างครึ่งเดียว เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
Double Action Only/D.A.O. ลักษณะการยิงจะเหมือนกับปืนระบบD./S.A.แต่เมื่อลั่นไกไปแล้วครั้งนึงแทนที่ นกจะต้างในตำแหน่งง้างสุดแบบS.A.จะมาค้างในตำแหน่ง ง้างครึ่งนึงเท่านั้น ทำให้การยิงนัดต่อไปต้องออกแรงลากไกทุกครั้งแต่ปืนระบบนี้ไม่มีเซฟไกแต่มี ความปลอดภัยค่อนข้างสูงมากเพราะว่าการที่จะลั่นไกได้ต้องออกแรงมากพอในการ ลากไกจึงไม่พลาดลั่นไกง่ายๆ และนกที่ค้างในระยะแค่ครึ่งเดียวต่อให้ทำปืนตกนกตีเข็มแทนชนวนก็ไม่แรงพอให้ ดันขับระเบิด
Beretta 92F
เป็นปืนที่แพร่หลายมากในช่วง10กว่าปีมานี่ขนาดกองทัพสหรัฐได้ซื้อลิขสิธิ์มาผลิตเองและตั้งเป็นปืนสั้นประจำการเลยหละ
แรก เริ่มเดิมทีถูกผลิตขึ้นที่อิตาลี่โดยบ.Beretta ขึ้นชื่อว่าของจากอิตาลี่ก็ต้องเนี้ยเส้นสายที่เป็นศิลป์อยู่แล้ว(ไม่เกี่ยว ซักหน่อย)
ตัวระบบของ92นี้ทำออกมาได้ดีมากมีความทนทานและเชื่อมั่นได้สูง ได้ต้นแบบมาจากWalther P38 จากเยอรมัน
ระบบ ของปืนเป็นD./S.A. ตามที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว เซฟไกของ92จะอยู่บนสไลด์ทำการเซฟไกได้ไม่ว่านกจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็แล้วแต่ จะไม่เป็นการห้ามไกแต่จะตัดไกออกจากระบบทำให้เหนี่ยวไกได้แต่จะไม่ควบคุมการ ลั่นไก แต่เมื่อนกอยู่ในตำแหน่งง้างสุดหรือครึ่งระยะง้าง นกจะกลับเข้าชิดโครงปืนทันทีและยักยกเข็มแทงชนวนขึ้นอีกด้วย ทำให้มีความปลอดภัยสูงมาก แต่ข้องเสียที่ติดตัวมากับปืนระบบD./S.A.ทุกกระบอกคือต้องออกแรงลากไกทุก ครั้งทำให้ในนัดแรกอาจจะเสียความแม่นยำไปเพราะการที่ออกแรงลากไดจะทำให้ความ มั่นคงของปืนในกระเล๊งของปืนเสียไปนั้นเอง
92ใช้ลูกกระสุนขนาด9x19mm Parabellum หรือ9มม.ที่เราเรียกๆกันนี่เอง บรรจุอยู่ในแม็กกาซีนแบบเรียงกระสุน2แถวจุได้15นัด
หรืออาจจะใช้ลูกกระสุนขนาด.40S&Wก็ได้
ต่อมีได้พัฒณาเซฟไกไว้สนสไลด์เพิ่อเซฟเข็มแทงชนวนได้อีกด้วยในชื่อBeretta92S และมาเป็น92Fในหัวข้อที่นำมาให้ดูกันนี้ครับ
และล่าสุดได้มีการเปลี่ยนแปลกใหม่หมดทั้งกระบอกแต่ระบบนั้นยังคงเดิมโดยเปลี่ยนโครงปืน(ปืนส่วนล่างรวมทั้งด้ามจับ)
เป็นโพลิเมอร์ ในชื่อBeretta 90Two
Desert Eagle
Desert Eagle King of Pistol คำนี้ได้ยินกันมานานมากแล้ว ขอเรียกย่อๆนะครับอ่านว่าดี-อี นะครับ
เหตุ ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่ามันใช้กระสุนMagnum ซึ่งยาวและมีดินชับที่มากกว่าลูกกระสุนปืนสั้นทั่วๆ จึงทำให้มันเป็นปืนสั้นที่แรงที่สุด ใหญ่ที่สุด หนักที่สุดในโลกครับ(จริงๆใหญ่กว่านี้ก้มีครับแต่ว่าศูนย์พันธุ์กันไปหมด แล้ว)
DEรุ่นแรกถูกพัฒนาขึ้นในปี1979 โดยบ.Magnum Research, Inc ประเทศอิสราเอล และต้อนนี้ก็ได้ปลี่ยนผู้ผลิตเป็น IMI หรือ Israel Military Industries เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังมีรุ่นที่ผลิตในอเมริกาอีกดวย
จากที่นำรูปมาให้ดูDEมีรุ่นที่ลำ กล้องยาว10นิ้วด้วนครับ(รุ่นปกติ6นิ้ว) และจะสังเกตุได้ว่ากระบอกสีดำนั้นดูเก่าและไม่มีร่องด้านบนลำกล้องเพราะว่า มันรุ่นเก่านี่เองแต่ก็เป็นรุ่นที่8ในตระกูลDEนะครับ ร่องบนลำกล้องนี้มีไว้สำหรับติดศูนย์เล็งนี่เองครับเพราะว่าDEกระบอกใหญ่และ หนักถึง2กก.(บรรจุลูกเต็ม)ทำให้การเล็งนั้นลำบากจึงได้บากร้องให้ใส่ศูนย์ เล็งกันได้ง่ายๆครับ
ที่ต้องให้น้ำหนักมากขนาดนี้เพราะว่าDEมีแรงถีบ ที่รุนแรงมากใครไม่แข็งแรงจริงๆเอาไม่อยู่ครับ สังเกตุรูปที่6ครับใต้ปากลำกล้องจะเห็นว่าส่วนนั้นมันอ้วนและใหญ่มากเพราะ มันทำหน้าที่เป็นน้ำหนักถ่วงปากกระบอกปืนไว้ไม้ให้สะบัดมากครับ(แต่ก็สะบัด มากอยู่ดี)
ระบบของDEเป็นแบบS.A.แต่ที่เซฟไกไปอยู่บนสไลด์เพราะเป็นการเซฟไกเหมือน กับBeretta 92 ซึ่งเป็นการตัดสะพานไกไม่ให้เหนี่ยวไกได้ และเบนเข็มแทนชนวนขึ้น พร้อมนั้งลดนกเข้าชิดโครงปืนครับ
DE ใช้กระสุนขนาดได้หลายขนาดเพราะสามารถเปลี่ยนลำกล้องได้ คือใช้ .357Magnum เป็นรุ่นแรก ต่อมาได้พัฒนาให้ใช้.41 Magnum , .44 Magnum, .440 Cor-bon, .50 AE ซึ่ง.50AEนี้ ทำให้DEเป็นปืนสั้นที่ใช้ลูกกระสุนใหญ่ที่สุด อณุภาพการทำลายของมันไม่ต้องคิดเลยถ้าไปนหัวคนก็ระเบิดจนหายไปเลยหละครับ
*ขนาด.45ACP คือขนาด 11มม.ที่บ้านเราเรียกกันครับ
โคลท์1911 หรือ โคลท์โกฟเวอเม้น ชื่อนี้ได้ถูกเรียกขานบนโลกนี้เกือบจะ100ปีแล้ว(ผลิตในปี1911ไงครับ) แต่ด้วยระบบของมันทำให้ชาวโลกยังคงไว้วางใจจะใช้มันต่อไปและไม่รู้ว่าจะเลิก ใช้มันเมื่อไหร่
ปืน1911 โมดูล่า(ใช้ระบบแบบ1911)ได้ถูกส้างขึ้นมาจากอีกหลากหลายยี้ห้อไม่เพียงแค่ Coltเท่านั้น แต่ยังมีบ.ผลิตอาวุธได้ซื้อลิขสิทธินี้ไปผลิตออกมาอีกมากมายหลายรุ่นหลาย ชื่อเรียกแต่มันก็ยังคงเป็น1911อยู่ดีครับแค่ในสมัยสงครามโลกก็ผลิตออกมาก ว่า4.5ล้านกระบอกแล้วครับยังไม่รวมผู้ผลิตรายใหม่ๆอีกนะครับ แม้แต่ไทยเองก็เอาเข้ามาผลิตกะเค้าเหมือนกันนะครับในชื่อ ปพ.86 (ปืนพก 86 เข้าประจำรปี 2486 )
อย่างที่กล่าวมันผลิตออกมาประจำการในปี1911 สงครามแรกที่มันเข้าประจำการรู้สึกจะสู้กับสเปนนะครับแถมชนะด้วยก่อนสงคราม โลกครั้งที่1ซะอีก นับเป็นปืนออโต้รุ่นแรกๆของโลกเลยหละครับ และที่ทำให้1911สร้างชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วคือสมัยสงครามโลก ครังที่2ตอนรบกับญี่ปุ่นครับ
นี่เป็น1ในปืนของบิดาแห่งปืนเป็นผู้ ออกแบบเค้าคนนั่นคือนาย John M. Browning ปืนที่ชายผู้นี้ออกแบบยังส่วนใหญ่ยังประจำการและใช้ได้ดีอยู่มาก และมีการผลิตใหม่เรื่อยๆอีกด้วย โดย1911นี้ใช้กระสุนขนาด .45ACP (Autometic Colt Pistol)หรือขนาด 11มม.ที่เราเรียกกันติดปาก ขนาดว่าถ้าบอกว่าอาวุธปืน11มม. ต้องนึกถึงโคลท์1911แน่นอน อานุภาพของกระสุน.45นี้รุนแรงมากพอจะหยุดยั้งเป้าหมายได้ในนัดเดียว หรือไม่เกิน2นัด (ยิ้งเจอลูกJHPนัดเดียวล้มถ้าอยากรู้เรื่องกระสุนก็ขอให้บอกครับ)
1911บรรจุ กระสุนได้7นัดครับ เพราะว่าปืนสั้นรุ่นเก่าๆยังไม่มีแนวคิดแบบการจัดว่ากระสุนเป็น2แถวแบบสมัย นี้ แต่นั้นก็เพียงพอจะหยุดนักรบชาวญี่ปุ่นในระยะไกล้ได้แล้วหละครับ
1911ปัฏ ิบัติการแบบS.A.ซึ่งเป็นระบบแรกสุดของปืนสั้นออโต้เลยครับ1911ต้องดึงสไลด์ ถอยหลังก่อน1ครั้งเพื่อโหลดลูกเข้ารังเพลิงพร้อมให้นกอยู่ในตำแหน่งง้างสุด โดยในจังหวะนี้จะสามารถเข้าห้ามไกได้ครับ ถ้านกไม่ง้างสุดจะดัยนห้ามไกไม่เข้า
และยังมีห้ามไกหลังอ่อนซึ่งเป็นเซฟอีกชั้นนึงถ้ากำด้ามไม่แน่นจนหลังอ่อนยุบตัวติดกับเฟรมปืนจะไม่สามรถเหนี่ยวไกได้ เช่นกัน
จากรูป สุดท้ายที่ผมนำมาให้ดู จะเห็นความแต่กต่างของ1911 และ1911A1(ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน)แบบที่ชัดเจนเลยคือปาดด้านข้างเฟรมตรง ไกและไกที่เล็กลงเพราะว่าสมัยนั้นรบกับประเทศ(อะไรไม่รู้)ที่มีอากาศหน้า ทหารต้องใส่ถุงมือหนา จึงต้องปาดเว้าและลดความยาวไกลงมาให้สอดนิ้วได้ง่ายๆ และยังทำให้คนมือเล็กๆเหนี่ยวไกได้สะดวกอีกด้วย และยังมีจุดแตกต่างอีกนิดหน่อย อย่างหงอนนกสับ สปริงแฮมเมอร์เฮ้าซิ่ง (ตรงแถวๆส้นปืนนั้นหละ)
แล้วยังไม่หมดนะครับ บ.ผลิตปืนชื่อSTI.ได้นำปืน1911นี่ไปดัดแปลงพัฒนาและตั้งชื่อว่า2011(ล้ำสมัยกว่า1911 100ปี)
สำหรับเป็นปืนแข่งขันกีฬาไม่ว่าจะเป็นIPSC IDPA หรือการแข่งอีกหลากหลายประเภท
โดย การเปลี่ยนเฟรมล่างเป็นโพลิเมอร์แม็กกาซีนแบบ2แถวจุลูกได้ถึง15นัด เอาบุชประคองลำกล้องออกและเพิ่มความหนาของลำกล้องขึ้น และในกีฬาIPSCอาจจะใส่บ่อแม็ก หรือที่ติดอยู่ตรงส้นปืนเพื่อความเร็วในการเปลี่ยนแม็กก่ซีน compensator ที่ปากลำกล้อง หรือสำหรับนักแข่งในรุ่นOPENที่จะแตต่งปืนยังไงก็ได้ก็อาจจะติดศูนย์เล็งแบบ Reddotเพื่อในการเล็งที่เร็วอีกด้วย นักกีฬาIPSCแทบทุกคนก็อยากจะได้มันไว้ในครอบครองซักกระบอกเลยทีเดียว ด้วยตำแหน่งเซฟไกที่ง่ายต่อการบริหาร ไกสามารพแต่งน้ำหนักไกได้ง่าย ชิ้นส่วนน้อย บาลานซ์ปืนที่ดี ทำให้มันเป็นปืนแข่งอันดับ1ของโลกอีกเช่นกัน
ซึ่งนอกจากSTI 2011 แล้ว ยิงมี INFINITY จากบ.SVI ที่แยกตัวออกมาผลิตปืน2011เองอีกด้วย
*3รูป สุดท้ายเป็นปืนBB-Gunนะครับเพราะว่าINFINITYนี่หารูปปืนจริงยากมากกว่า 2011เพราะว่าราคามันแพงมักจนนักกีฬาIPSCหยิบจับได้ยากกว่า2011
USP ย่อมาจาก Universal Self-loading Pistol หรือ ปืนสั้นครอบจักรวาล ผลิตโดย Heckler and Koch ประเทศ เยอรมัน
เป็น ปืนสั้งโครงโพลิเมอร์ที่ดีที่สุดตัวนึงของโลกครับ ด้วยชื่อHkการันตีเรื่องความทนทานและทนต่อสภาพอากาศ ไม่ว่าจะหนาวจนปืนแข็งเป็นไอติม ร้อนใบสภาพอากาศแบบทะเลทราย จมน้ำ จมโคลน มีฝุ่นทราบก็ยิงได้ครับ
USP เป็นผลพวงมาจากการที่เข้าร่วมในโครงการUS SOCOM หรือ U.S. Special Operation Command
โดยปืนต้นแบบของUSPที่ผลิตออกมานั้นคือ Mk.23 SOCOM ที่ผลิตออกมาในปี 1992 และได้รับการเข้าประจำการ
ในหน่วยพอเศษ Delta Force ในเดือนมกราคมปี1993
USPเริ่ม แรกผลิตออกมารองรับกระสุนขนาด 9x19 Para และ .40 S&W และในปี 1995ก็พัฒนาUSPขนาดกระสุน .45 autoออกมา(ก็.45ACP หรือ 11มม.นั้นหละ)
หลัง จากUSPแล้วยังมีรุ่นต่างๆออกตามออกมาเรื่อยๆอย่าง Tactical Elite Expert Match และตัวรุ่นเล็กอย่างCompact ที่เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมดและเอาระบบของUSPมาย่อขนาดลงนั้นเอง
แตกต่าง กันอย่างไรดูได้จากรูปเลยครับแค่มีเกลียวใส่ไซเรีเซอ หรือลพกล้องยาวนั้น ศูนย์เล็งต่างออกไป มีเซฟไก2ทางบ้าง หรือมีหมุดหลังไกเพื่อระยะการเหนี่ยวไกที่แน่นอน แต่ที่พิเศษที่สุดคือMacth ได้มีการติดตั้งเวทถ่วงน้ำหนักไว้เพื่อลดการสะบัดของปากลำกล้องนี่เองครับ ทุกรุ่นใช้กระสุนได้ทุกขนาดที่กล่าวมาเลยครับแล้วแต่จะสั่งว่าเราต้องการ USPรุ่นอะไร กระสุนขนาดเท่าไหร่
โครงปืนฉีดขึ้นรูปจาก โพลิเมอร์ จุดเด่นอยู่ที่ด้ามปืนที่เล็กและแบนบางเข้ากับฝ่ามือได้แทบทุกขนาดแต่ด้าม จับมันออกเหลี่ยมๆและไม่เต็มอุ้งมือซักเท่าไหร่
ระบบของUSPเป็นแบบ D./S.A. ระบบเซฟไกสามารถเข้าห้าไกไม่ให้เหนี่ยวไกได้โดยการดันคานห้ามไกขึ้นครับ แต่ถ้ากดลงมันจะทำการลดนกลงมาอยู่ในตำแหน่ง ฮาฟค็อก ทำให้USPเป็นปืนที่มีระบบเซฟ ยืดหยุ่นที่สุดกระบอกนึงของโลกครับ คือการเอาข้อดีของการเซฟแบบปืน1911ที่เมื่อต้องการปลดเซฟก็แค่เอาน้วโป้วปาด คานเซฟลงเพื่อความไวในการปลดเซฟในจังหวะที่นกง้างสุดและมีกระสุนในรังเพลิง (สามารถเข้าห้ามไกได้ทุกจังหวะไมว่านกจะชิดโครงปืน ฮาฟค็อก หรือง้างสุด) และยังสามารถลดนกได้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการพกพาหรือเตรียมยิงอีกด้วย และนอกจากนี้ยิงมีกุญแจสำหรับล็อกไกปืนด้วยครับ
นอกจากระบบD./S.A. ยังมีระบบD.A.O.อีกด้วยโดยจะไม่มีคานห้ามไก-ลดนก ระบบการยิงเหมือนกับคำอธิบายข้างตอนนำเรื่องของปืนสั้นครับ
รูปนี้เป็นปืนBBGunครับ แต่ด้วยระบบมันลอกปืนจริงมา จึงเอามาให้ดูกันครับ รูกุญแจที่ว่ามันอยู่ในช่องใส่แม็กกาซีนครับ
N 5-7 ปืนสั้นโพลิเมอร์จาก บ.FN ประเทศเบลเยี่ยม ต้นกำเนิดของมันกำเนิดขึ้นหลังจากFNได้ทำปืนSMG ตัวนึงออกมาชื่อว่า FN P90(หาอ่านได้ในหัวข้อSMG) โดยเริ่มโครงการในปี1993 และสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างในปี1995 โดยมีจุดประสงค์ให้เป็นไซด์อาร์ม หรืออาวุธรองของP90นี่เอง
5-7ใช้กระสุนขนาด 5.7x28 แบบเดียวกับP90 และเป็นที่มาของชื่อ 5-7 อีกด้วย อย่างที่บอกไว้ในข้อมูลของP90 ลูกกระสุนขนาด5.7นี้ มีแรงถีบกลับจากการระบิดของดินเปืนน้อย จึงทำให้สามารถใช้วัสดุที่สไลด์เป็นโพลิเมอร์ได้แต่ภายในยังเสริมด้วยโลหะ เพื่อความแข็งแรง มันจึงเป็นปืนสั้นที่เป็นโพลิเมอร์ทั้งกระบอก กระบอกแรกของโลก และด้วยอณุภาคของกระสุน5.7 แต่ก็มีข้อเสียคือลูกกระสุนขนาดหน้าตัดเล็กแค่5.7 มีอำนาจยุดยั้งน้อยแระแรงปะทะต่ำ จึงไม่อาจหยุดเป้าหมายได้ในนัดเดียว อย่าพวก11มม. แต่ลูกกระสุนที่มีแรงถีบต่ำจึงยิงซ้ำเป้าหมายได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ อีกทั้งขนาดกระสุนที่เล็กนี่เอง ทำให้5-7สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง20นัดใน1แม็กกาซีน และมีน้ำหนักหลังจากบรรจุเต็มแม็กแล้วแค่720กรัมเท่านั้นเอง และ5-7นี้ใช้ลำกล้องแทนสปริงไกด์ร็อททำให้สไลด์ปืนมีขนาดเล็กและศูนย์ถ่วง รวมของปืนต่ำลงไปอีกช้วยลดแรงสะบัดได้ดีมากๆ มันเลยกลายเป็นปืนสั้นที่คล่องตัวและยืดหยุ่นมากที่สุดอีกตัวนึงของโลก
5-7 แรกเริ่มเดิมทีออกมาเป็นปืนระบบD.A.O.(ภาพแรก) ซึ่งโดยแนวคิดแล้วเอารูบแบบระบบของปืนGlockมาใช้(ติดตามกันต่อไปนะครับ) โดยจะไม่ใช้นกแต่ใช้เข็มแทงฉนวนพุ่งกระแทกท้ายกระสุนโดยตรง ข้อดีของปืนที่ใช้ระบบเข็มพุ่งกระแทกคือ พกพาสะดวก นกไม่ไปเกี่ยวกับเสื้อผ้าหรือซองปืน แต่ข้อเสียคือในปืนระบบS.A.เราจะไม่รู้ว่าปืนได้ขึ้นลำไว้แล้วหรือไม่และ ต่อมาได้พัฒนา5-7ใหม่เป็นระบบS.A. โดยเพิ่มเซฟไกและตัวค้างสไลด์เข้าไปใชชื่อ 5-7Tactical และต่อมาได้ปรับปรุงรูปล่างของ5-7ใหม่ใช้ไฉไลกว่าเดิม) และยังออกขายให้พลเรือนใช้ด้วยในราคาที่ 5-7 IOM (Individual Officer Model) และต่อมาตัวล่าสุดของFN5-7 คือรุ่น USG(United States Government) มีการปรับปรุงโกร่งไกให้เป็นทรง4เหลี่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น